จริงๆ ครบรอบ 1 ปี ที่ตัวเองมีเชื่อวันที่ 1 พฤษจิกายนแล้วล่ะ
-- สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมานี้ ตอนแรกยอมรับว่าตัวเองทำใจไม่ได้ คือเสียโอกาสทุกๆอย่าง มีแฟนแฟนก็ทิ้งไป คบกันมานานไม่เคยนอกใจหรือคุยกับใคร แต่จะว่าไปพูดไปใครจะเชื่อเนอะ จริงๆผมติดเชื้อมาจกแฟนอีกคนก่อนที่จะมาคบคนนี้ อีกอย่างงานที่วาดฝันไว้ในอนาคตก็ล่มละลายหายไปในความคิด รู้สึกเสียใจมากตอนนั้น เหมือนชีวิตไม่เหลืออะไร พังทุกอย่าง ตั้งใจทำอะไรไว้คือพังหมดตอนนั้น คิดแบบนี้
-- แต่ด้วยความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ครอบครัวยอมรับได้และให้กำลังใจมาตลอด ผมว่าผมโชคดีนะที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ ที่ทุกคนเข้าใจและไม่ทอดทิ้ง แม้ว่าอาจจะมีปัญหาหลายๆอย่างเข้ามา ผมเคยคิดว่าผมต้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว มีงานดีๆ ค่าตัวสูงๆ ดูแลทุกคนให้ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ไม่ล้มความตั้งใจผมนะ ผมพยายามศึกษาคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนไม่มีอะไร เริ่มจาก 0 เขายังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ และแรงผลักดันนี้ต้องขอบคุณครอบครัวที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด
-- เรื่องสุขภาพผมตอนนี้ก็ดีไม่ป่วยไข้อะไร ปกติผมเป็นคนที่แข็งแรง ไม่ป่วย ไม่ใข้อะไรเลย โดยส่วนตัวผมเป็นคนตัวเล็ก ตัวผอมนะ แต่ก็ไม่เจ็บป่วยง่าย ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ ผมก็มีออกกำลีงกายบ้างจากที่ไม่เคยออกเลย เพื่อเพิ่มภูมต้านทานให้กับตัวเอง กินแต่ของดีๆ ตรวจเลือดทุกๆ 3 เดือน ก็ดีนะ ตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองทำใจได้แล้วนะ
-- ช่วงที่ผ่านมาผมคิดว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนหรอกคับ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราจะเป็นอะไร ดูจากข่าวสิ ผู้ตัดสินกีฬาอยุ่ดีๆก็ป่วยเป็นโรคประหลาดแบบนี้ ผมเหมือนกันไม่คิดว่าตัวเองจะมาเป็นโรคนี้ โรคที่สังคมไทยยังไม่เข้าใจมากพอ โรคที่ทุกคนคิดว่ามันน่ากลัวน่าเกลียด ผมยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนผมก็คิดแบบบนั้นเหมือนกัน จนได้มาเจอกับตัวเอง เข้าใจเลยว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง แต่โชคดีที่ผมได้รับการปรึกษาจากพี่ๆหมอจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ย่านอนุสาวรีย์ พี่ที่นี่เขาปลอบใจเรา อธิบายวิธีการรักษา พี่เขาบอกทุกคนเราไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอะไร ทุกคนมีโรคด้วยกันทั้งนั้นแล้วแต่ว่าจะเป็นอะไร พี่บอกผมว่าเราเป็น HIV มันไ่น่ากลัวเหมือนก่อนมียารักษากินยาให้ตรงเวลา กินตลอด เหมือนกับเบาหวานนั่นแหละ พี่เขาบอก ผมได้ฟังก็รุ้สึกดีโล่งขึ้นมาก มีกำลังใจ ที่นี่เขาตรวจเลือดฟรีนะครับ บริการดี พูดจาดีน่ารักทุกคน ว่างๆใครที่ไม่มั่นใจไปตรวจกันได้นะ เพื่อตัวคุณเอง ผลจะเป็นยังไงอย่างน้อยเราก็ได้รู้จะได้สบายใจ
-- การเขาไปศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมบ่อยๆก็ช่วยทำให้ผมเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น ปกติผมก็ชอบเข้าวัด ทำบุญบ่อยๆเมื่อมีโอกาส ทุกคนจำไว้นะครับว่าทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่าง ทุกอย่างล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีเกิดแล้วก็ต้องดับไป ทุกคนมีจุดจบเป็นของตัวเอง ธรรมมะทำให้ผมสบายใจ ทุกครั้งที่ไปปฏิบัติผมก็จะเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ตลอด คนเราจะรวยหรือจนนั้นสุดท้ายเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ มีแต่ความดี ที่จะติดตัวเราต่อไป
-- หลังจากเลิกกับแฟนถามว่ามันเหงาไหม มันก็เหงา แต่เราก็ได้แค่คุยกับคนอื่นแก้เหงา เพราะเรารู้ดีว่าวันนึง ถ้าเราคบเขาแล้วเขารุ้ว่าเราเป็นเขาคงรับเราไม่ได้แน่ๆ ก็ได้แต่คุยกันเรื่อยๆ ปกติผมก็เป็นคนขี้เล่นอยุ่แล้ว ก็จะมีคนชอบมาคุยกับผมบ่อยๆ ขอเป็นแฟนบ้าง แต่ผมก็ปฏิเสธว่าคุยกันไปก่อน 555 ดูเล่นตัวเนอะ แต่จริงๆกลัว กลัวว่าวันนึงถ้าเราคบกันแล้ว ผมรักเขามากแล้วเขารู้ว่าผมมี HIV จะได้เลิกกัน ไม่อยากเสียใจอีก ก็เลยเหมือนเเค่คุยๆเฉยๆ ถ้าจะบอกว่าผมมีเชื้อก็คงไม่ดีต่อตัวผมเป็นแน่ เพราะเราไม่รุ้ว่าเขาจะเอาไปบอกใครต่อใครอีกหรือเปล่า แต่ก็มีความสุขนะ บางทีผมว่าความรักมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันหรอก ไม่ต้องมีอะไรกันหรอก แค่พูดคุย สนุกสนานๆ เดินเล่น เที่ยวเล่น กินข้าวกันบ้างแค่นี้มันก็มีความสุขมากแล้วเนอะ (ผมเป็นเกย์แต่ไม่แสดงออกนะคับ)
-- สุดท้ายหลังจากระบายมายาวมาก ผมอยากจะฝากให้ทุกคนเวลามีอะไรกันก็ควรจะป้องกัน แม้ว่าจะเป็นแฟนกัน แต่เราไม่รุ้ว่าแฟนเราผ่านอะไรมาบ้าง เราไม่ได้อยุ่ด้วยกันตลอดเราไม่รุ้ว่าเขาไปทำอะไร ฉะนั้นควรป้องกันให้ดดีที่สุด เหมือนผมไว้ใจกันมาก จนตัวเองต้องเจ้บมมากแบบนี้ ถุงยางป้องกันได้นะ เหมือนผมติดจากแฟนเก่ามา และแฟนคนใหม่คบกัน 2 ปี ไม่มีเชื้อนะ เพราะใส่ถุงตลอด สุดท้ายเขาก็จากไปเพราะเพียงว่าผมมีเชื้อทั้งๆที่ผมก็ยังรักเขา แต่ทุกวันนี้เฉยๆล่ะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีใครอยุ่กับเราได้ตลอด ไม่จากเป็น ก็ จากตาย ฉะนั้นอย่าประมาทในชีวิต คิดจะทำอะไรให้คิดถึงคนข้างหลังเข้าไว้นะครับทุกคน ^______^
-- 1 ปีที่เลยผ่านเมื่อรู้ว่าตัวเองมีเชื้อ HIV
-- สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมานี้ ตอนแรกยอมรับว่าตัวเองทำใจไม่ได้ คือเสียโอกาสทุกๆอย่าง มีแฟนแฟนก็ทิ้งไป คบกันมานานไม่เคยนอกใจหรือคุยกับใคร แต่จะว่าไปพูดไปใครจะเชื่อเนอะ จริงๆผมติดเชื้อมาจกแฟนอีกคนก่อนที่จะมาคบคนนี้ อีกอย่างงานที่วาดฝันไว้ในอนาคตก็ล่มละลายหายไปในความคิด รู้สึกเสียใจมากตอนนั้น เหมือนชีวิตไม่เหลืออะไร พังทุกอย่าง ตั้งใจทำอะไรไว้คือพังหมดตอนนั้น คิดแบบนี้
-- แต่ด้วยความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ครอบครัวยอมรับได้และให้กำลังใจมาตลอด ผมว่าผมโชคดีนะที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ ที่ทุกคนเข้าใจและไม่ทอดทิ้ง แม้ว่าอาจจะมีปัญหาหลายๆอย่างเข้ามา ผมเคยคิดว่าผมต้องเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว มีงานดีๆ ค่าตัวสูงๆ ดูแลทุกคนให้ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ไม่ล้มความตั้งใจผมนะ ผมพยายามศึกษาคนที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนไม่มีอะไร เริ่มจาก 0 เขายังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ และแรงผลักดันนี้ต้องขอบคุณครอบครัวที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด
-- เรื่องสุขภาพผมตอนนี้ก็ดีไม่ป่วยไข้อะไร ปกติผมเป็นคนที่แข็งแรง ไม่ป่วย ไม่ใข้อะไรเลย โดยส่วนตัวผมเป็นคนตัวเล็ก ตัวผอมนะ แต่ก็ไม่เจ็บป่วยง่าย ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ ผมก็มีออกกำลีงกายบ้างจากที่ไม่เคยออกเลย เพื่อเพิ่มภูมต้านทานให้กับตัวเอง กินแต่ของดีๆ ตรวจเลือดทุกๆ 3 เดือน ก็ดีนะ ตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองทำใจได้แล้วนะ
-- ช่วงที่ผ่านมาผมคิดว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนหรอกคับ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราจะเป็นอะไร ดูจากข่าวสิ ผู้ตัดสินกีฬาอยุ่ดีๆก็ป่วยเป็นโรคประหลาดแบบนี้ ผมเหมือนกันไม่คิดว่าตัวเองจะมาเป็นโรคนี้ โรคที่สังคมไทยยังไม่เข้าใจมากพอ โรคที่ทุกคนคิดว่ามันน่ากลัวน่าเกลียด ผมยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนผมก็คิดแบบบนั้นเหมือนกัน จนได้มาเจอกับตัวเอง เข้าใจเลยว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง แต่โชคดีที่ผมได้รับการปรึกษาจากพี่ๆหมอจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ย่านอนุสาวรีย์ พี่ที่นี่เขาปลอบใจเรา อธิบายวิธีการรักษา พี่เขาบอกทุกคนเราไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอะไร ทุกคนมีโรคด้วยกันทั้งนั้นแล้วแต่ว่าจะเป็นอะไร พี่บอกผมว่าเราเป็น HIV มันไ่น่ากลัวเหมือนก่อนมียารักษากินยาให้ตรงเวลา กินตลอด เหมือนกับเบาหวานนั่นแหละ พี่เขาบอก ผมได้ฟังก็รุ้สึกดีโล่งขึ้นมาก มีกำลังใจ ที่นี่เขาตรวจเลือดฟรีนะครับ บริการดี พูดจาดีน่ารักทุกคน ว่างๆใครที่ไม่มั่นใจไปตรวจกันได้นะ เพื่อตัวคุณเอง ผลจะเป็นยังไงอย่างน้อยเราก็ได้รู้จะได้สบายใจ
-- การเขาไปศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรมบ่อยๆก็ช่วยทำให้ผมเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น ปกติผมก็ชอบเข้าวัด ทำบุญบ่อยๆเมื่อมีโอกาส ทุกคนจำไว้นะครับว่าทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรเป็นของเราสักอย่าง ทุกอย่างล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีเกิดแล้วก็ต้องดับไป ทุกคนมีจุดจบเป็นของตัวเอง ธรรมมะทำให้ผมสบายใจ ทุกครั้งที่ไปปฏิบัติผมก็จะเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ตลอด คนเราจะรวยหรือจนนั้นสุดท้ายเราก็เอาอะไรไปไม่ได้ มีแต่ความดี ที่จะติดตัวเราต่อไป
-- หลังจากเลิกกับแฟนถามว่ามันเหงาไหม มันก็เหงา แต่เราก็ได้แค่คุยกับคนอื่นแก้เหงา เพราะเรารู้ดีว่าวันนึง ถ้าเราคบเขาแล้วเขารุ้ว่าเราเป็นเขาคงรับเราไม่ได้แน่ๆ ก็ได้แต่คุยกันเรื่อยๆ ปกติผมก็เป็นคนขี้เล่นอยุ่แล้ว ก็จะมีคนชอบมาคุยกับผมบ่อยๆ ขอเป็นแฟนบ้าง แต่ผมก็ปฏิเสธว่าคุยกันไปก่อน 555 ดูเล่นตัวเนอะ แต่จริงๆกลัว กลัวว่าวันนึงถ้าเราคบกันแล้ว ผมรักเขามากแล้วเขารู้ว่าผมมี HIV จะได้เลิกกัน ไม่อยากเสียใจอีก ก็เลยเหมือนเเค่คุยๆเฉยๆ ถ้าจะบอกว่าผมมีเชื้อก็คงไม่ดีต่อตัวผมเป็นแน่ เพราะเราไม่รุ้ว่าเขาจะเอาไปบอกใครต่อใครอีกหรือเปล่า แต่ก็มีความสุขนะ บางทีผมว่าความรักมันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันหรอก ไม่ต้องมีอะไรกันหรอก แค่พูดคุย สนุกสนานๆ เดินเล่น เที่ยวเล่น กินข้าวกันบ้างแค่นี้มันก็มีความสุขมากแล้วเนอะ (ผมเป็นเกย์แต่ไม่แสดงออกนะคับ)
-- สุดท้ายหลังจากระบายมายาวมาก ผมอยากจะฝากให้ทุกคนเวลามีอะไรกันก็ควรจะป้องกัน แม้ว่าจะเป็นแฟนกัน แต่เราไม่รุ้ว่าแฟนเราผ่านอะไรมาบ้าง เราไม่ได้อยุ่ด้วยกันตลอดเราไม่รุ้ว่าเขาไปทำอะไร ฉะนั้นควรป้องกันให้ดดีที่สุด เหมือนผมไว้ใจกันมาก จนตัวเองต้องเจ้บมมากแบบนี้ ถุงยางป้องกันได้นะ เหมือนผมติดจากแฟนเก่ามา และแฟนคนใหม่คบกัน 2 ปี ไม่มีเชื้อนะ เพราะใส่ถุงตลอด สุดท้ายเขาก็จากไปเพราะเพียงว่าผมมีเชื้อทั้งๆที่ผมก็ยังรักเขา แต่ทุกวันนี้เฉยๆล่ะ ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีใครอยุ่กับเราได้ตลอด ไม่จากเป็น ก็ จากตาย ฉะนั้นอย่าประมาทในชีวิต คิดจะทำอะไรให้คิดถึงคนข้างหลังเข้าไว้นะครับทุกคน ^______^